วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2550

สุดยอดอาหารถั่วเหลือง


ถั่วเหลือง นับว่าเป็นถั่วชนิดเดียวที่สามารถนำมาดัดแปลงเป็นอาหารได้หลายชนิด หลากรสชาติมากที่สุด มีให้เลือกกินได้ครบ ทั้ง ต้ม ผัด แกง ทอด หรือแม้กระทั่งทำเป็นขนมขบเคี้ยวก็ได้

อาหารจากถั่วเหลืองในชีวิตประจำวันที่เรารู้จักกันดี ได้แก่ เต้าหู้ ซึ่งก็มีมากมายหลายอย่าง นอกจากนั้น ก็เป็นฟองเต้าหู้ น้ำเต้าหู้ เต้าฮวย โปรตีนเกษตร และน้ำมันถั่วเหลือง แม้กระทั่งมาการีน มายองเนส และน้ำมันสลัดก็มีส่วนประกอบของถั่วเหลือง โดยอยู่ในรูปของน้ำมันถั่วเหลือง

เฉพาะผลิตภัณฑ์ เต้าหู้ นั้นมีให้เลือกหลายชนิด ได้แก่

เต้าหู้อ่อน เป็นเต้าหู้ที่มีเนื้ออ่อนนุ่ม มีสีขาวนวลกลิ่นหอม มีให้เลือกทั้งแบบก้อนบาง และก้อนหนา นิยมนำมาใส่แกงจืด และสุกี้ยากี้ เป็นต้น ปัจจุบันมีผู้ผลิตจำนวนมากผลิตเต้าหู้อ่อนแบบญี่ปุ่นในกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมบรรจุอย่างดี ออกมาจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายในการเลือกซื้อมายิ่งขึ้น

เต้าหู้หลอด เป็นเต้าหู้อ่อนอีกชนิดหนึ่งที่มีกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัย บรรจุลงในหลอดพลาสติกแบบสุญญากาศ ทำให้รักษาความสะอาดได้ดี จึงเก็บได้นาน สะดวกในการใช้ มีทั้งชนิดธรรมดาและชนิดใส่ไข่

เต้าฮวย มีลักษณะคล้ายกับเต้าหู้อ่อนมาก ต่างกันตรงที่เต้าฮวยมีเนื้อนิ่มกว่า มักนิยมใช้รับประทานคู่กับน้ำขิง เป็นอาหารว่างอีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และมีราคาถูก

เต้าหู้แข็ง (ขาว) เป็นเต้าหู้ที่มีเนื้อแข็ง สีขาวนวลออกครีมๆ มักทำออกมาเป็นก้อนสี่เหลี่ยม หนาประมาณ 1 เซนติเมตร เหมาะสำหรับทำอาหารหลายชนิด เช่น ยำ ลาบ แกง ผัด รวมทั้งอาหารจานเดียวยอดนิยมของคนทั่วโลกอย่างผัดไทย แต่เคล็ดลับในการปรุงอาหารจากเต้าหู้ชนิดนี้ ควรจะนำมาทอดให้เหลืองเสียก่อน เวลานำไปทำอาหารจะไม่เละ ทำให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น

เต้าหู้เหลือง มีทั้งชนิดอ่อนและแข็ง ลักษณะภายนอกจะมีเปลือกสีเหลือง เนื้อสีขาวนวล รสออกเค็มกว่าเต้าหู้ขาว เพราะเป็นเต้าหู้ขาวที่ปรุงขึ้นมาใหม่ ด้วยการนำก้อนเต้าหู้ไปแช่ในน้ำเกลือ แล้วนำไปจุ่มสีเหลืองหรือขมิ้น เพื่อให้รู้ว่าเต้าหู้ชนิดนี้มีรสเค็มกว่าเต้าหู้ขาวธรรมดา และรสเค็มนี้สามารถยืดอายุการเก็บได้นานขึ้น ดังนั้น อาหารที่นำเต้าหู้เหลืองมาปรุงมักเป็นอาหารที่ต้องการให้มีรสชาติของเต้าหู้ที่เข้มข้นขึ้น เช่น อาหารจำพวก ทอด ผัด แกง ชนิดต่างๆ หรือแม้กระทั้งผัดไทย บางคนก็นิยมใช้เต้าหู้เหลืองมากกว่าเต้าหู้ขาว

วิธีการเลือกซื้อเต้าหู้ โดยรวมแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ

• เต้าหู้ที่ทำขายทั่วไปในตลาดสด เช่น เต้าหู้อ่อน เต้าหู้แข็ง เต้าหู้เหลือง ที่เป็นแผ่นห่อด้วยใบตองกับที่บรรจุภาชนะอย่างดี ควรเลือกซื้อที่ทำมาใหม่ๆ สีขาวนวลเป็นปกติ มีกลิ่นหอม ไม่มีเมือก ไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว และภาชนะที่บรรจุต้องสะอาด
• เต้าหู้แบบบรรจุภาชนะอย่างดี ควรดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุ มีสีสันเป็นปกติ รูปร่างเป็นปกติ เต้าหู้เป็นอาหารที่บูดเสียได้ง่าย โดยเฉพาะถ้าเต้าหู้นั้นไม่ใส่สารกันบูด จะสังเกตเห็นว่าบางครั้งที่เราซื้อเต้าหู้มาเก็บไว้ในตู้เย็นเพียงแค่วันสองวัน เต้าหู้ก็จะเริ่มเป็นเมือก มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ยกเว้นเต้าหู้หลอดที่บรรจุในถุงพลาสติกสุญญากาศอย่างมิดชิด จะเก็บไว้ได้หลายวันกว่า แต่ก็ต้องดูวันเดือนปีที่ผลิดและวัยหมดอายุด้วยเช่นกัน

มีวิธีการเก็บเต้าหู้ให้ได้นานยิ่งขึ้น มีผู้รู้แนะนำให้เอาน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วใส่ชาม แล้วเอาเต้าหู้ลงแช่ให้ท่วม จากนั้นนำเข้าตู้เย็น ก็จะยืดอายุการเก็บได้นาน 7-15 วัน แล้วแต่ชนิดของเต้าหู้ ถ้าเป็นเต้าหู้อ่อน จเก็บได้ไม่นานเท่าเต้าหู้แข็ง ในกรณีเต้าหู้หลอด ให้เก็บในตู้เย็นช่องแช่เย็นธรรมดา ก็เก็บได้นานหลายวัน อย่านำไปแช่ช่องแข็ง เพราะลักษณะของเนื้อเต้าหู้จะเปลี่ยนไปไม่คงรูปเหมือนเดิม ส่วนเต้าหู้ทอด แม้จะเก็บในตู้เย็น หากไม่ใช่ช่องแช่แข็ง ไม่นานก็จะขึ้นรา ดังนั้น การทำอาหารจากเต้าหู้ จึงไม่ควรซื้อเต้าหู้มาในปริมาณมาก เพราะกลิ่นรสของเต้าหู้จะเปลี่ยนไปเมื่อเก็บไว้หลายวัน

เต้าหู้ทำอาหารได้อร่อยทุกอย่าง แถมมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายมหาศาล เพราะทำมาจากถั่วเหลือง ซึ่งเป็นพืชที่มีคุณสมบัติในเรื่องการช่วยรักษา และลดระดับความดันในเส้นเลือด รักษาระดับน้ำตาลในเลือด ปกป้องหัวใจ ทำให้ประจำเดือนของสตรีเป็นปกติ ทำให้กระดูกแข็งแรง มีคอเรสเตอรอลต่ำ และมีคุณสมบัติในการต่อต้านมะเร็ง มีรายงายว่า ผู้หญิงในประเทศแถบซีกโลกตะวันออก มีอัตราการเป็นมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูกน้อยกว่าผู้หญิงในอเมริกา เพราะกินอาหารจากถั่วเหลือง มากกว่า 20-50 เท่า ผู้หญิงที่กินอาหารจากถั่วเหลือง มีอัตราการเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนที่ไม่ได้กินถึงร้อยละ 50

น้ำเต้าหู้ คือ น้ำนมถั่วเหลืองที่ได้จากการปั่นถั่วเหลืองแล้วนำมาต้มเป็นน้ำ ถือเป็นเครื่องดื่มทดแทนนมวัวที่นิยมรับประทานกันทั่วไป เพราะเป็นอาหารเสริมสุขภาพที่ราคาถูก

ฟองเต้าหู้ เป็นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองที่ได้จากการทำน้ำเต้าหู้ เมื่อต้มน้ำเต้าหู้จนมีความเข้มข้น ผิวหน้าของน้ำนมเต้าหู้จะจับตัวกันเป็นแผ่น สามารถตักออกมารับประทานได้เลย โดยนิยมใส่ในแกงจืด ฟองเต้าหู้ชนิดที่นำมาใช้เลยนี้เป็นแบบเปียก ส่วนแบบแห้งนั้น ต้องนำฟองเต้าหู้ที่ได้ไปตากหรืออบจนแห้ง มีทั้งแบบแผ่นใหญ่ที่คนจีนเรียกว่า หู่เมาะ นิยมนำไปห่ออาหาร เช่น แฮ่กื๊น หอยจ๊อ เปาะเปี๊ยะ และบบเป็นชิ้นเล็กที่เรียกว่า หู่กี่ นิยมใส่แกงจืด ผัดโป๊ยเซียน หรือนำไปอบและทอดให้กรอบแล้วทำเป็นผัดพริกขิง หรือผัดกับขิง

โปรตีนเกษตร หรือ โปรตีนถั่วเหลือง ทำจากแป้งถั่วเหลือง ปราศจากไขมัน มีคุณค่าทางอาหารสูง ราคาถูก เก็บง่ายไม่ต้องใส่ตู้เย็น ใช้สะดวก ใช้แทนเนื้อสัตว์ได้หลายชนิด ปัจจุบันมีหลายรูปแบบ เช่น

• ชนิดใหญ่พิเศษ ใช้ใส่แกงเขียวหวาน พะโล้ สะเต๊ก น้ำตก ฯลฯ
• ชนิดเกล็ดขนาดกลาง ใช้ผัดกะเพรา แกงเขียวหวาน แกงเผ็ด ผัดพริกขิง ฯลฯ
• ชนิดเล็กขนาดเล็ก ใช้ทำลาบ แทนเนื้อหมูหรือหมูสับ
• ชนิดป่นละเอียด ใช้ทำขนมจีนน้ำยา แกงเลียง ซุป ฯลฯ ช่วยผสมในน้ำแกง ทำให้น้ำแกงข้นขึ้น

ถั่วงอกหัวโต เป็นถั่วงอกชนิดหัวใหญ่ที่เพาะจากถั่วเหลือง ต่างจากถั่วงอกทั่วไปที่นิยมเพาะจากถั่วเขียว จึงเรียกให้ต่างไปว่า ถั่วงอกหัวโต

นอกจากนี้แล้ว ยังมีอาหารหมักจากถั่วเหลืองอีกหลายชนิด ได้แก่ ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว เต้าหู้ยี้ เทมเป้ นัตโต เป็นต้น แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ถือเป็นแหล่งของโปรตีนหลักที่จะให้แก่ร่างกาย เนื่องจากเป็นสารปรุงรสที่มีรสเค็ม จึงกินได้น้อย

ซอสปรุงรส หรือ ซีอิ๊ว เป็นเครื่องปรุงรสอาหารที่ได้จากการหมักถั่วเหลือง ซีอิ๊วดีที่สุดจะเป็นซีอิ๊วที่ได้จากการหมักครั้งแรก เรียกว่าซีอิ๊วขาว ส่วนซีอิ๊วที่ได้จากการหมักซ้ำโดยใช้ถั่วเหลืองที่หมักไปแล้ว จะเป็นซีอิ๊วขาวชั้นรอง คุณภาพต่ำลง ราคาถูกลง ส่วนซีอิ๊วดำ ได้จากการผสมซีอิ๊วขาวกับกากน้ำตาล

เดิมนั้น การหมักซีอิ๊วจัดเป็นศิลปะและเป็นความลับที่ถ่ายทอดกันเฉพาะในหมู่สมาชิกครอบครัวและลูกหลานเท่านั้น ประเทศที่นิยมใช้ซีอิ๊วเป็นเครื่องปรุงรส ได้แก่ จีนและญี่ปุ่น ปัจจุบันคนไทยก็นิยมใช้ซอสปรุงรสจากถั่วเหลืองอย่างแพร่หลาย หลังจากที่คุ้นเคยกับน้ำปลามายาวนาน

เต้าเจี้ยว คือ ถั่วเหลืองที่หมักด้วยกรรมวิธีเดียวกับการทำซีอิ๊ว แต่เต้าเจี้ยวจะมีส่วนประกอบของเนื้อถั่วอยู่ด้วย การหมักเต้าเจี้ยวใช้ถั่วเหลืองเป็นหลัก มีแป้ง เชื้อรา น้ำเกลือ และเครื่องปรุงรสต่างๆ เป็นส่วนประกอบ ผสมให้เข้ากันบรรจุในโอ่ง ปิดฝาแล้วตากแดด ปล่อยให้เกิดปฏิกิริยาการหมักเป็นเวลาประมาณ 3-6 เดือน เมื่อครบกำหนดแล้วหากทำซีอิ๊วร่วมกับเต้าเจี้ยวในระยะนี้ ก็จะดูดส่วนที่เป็นของเหลวสีน้ำตาลปนแดงออกมา นำไปผ่านการฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 65-88 องศาเซลเซียส จากนั้น จึงนำไปกรองเพื่อกำจัดตะกอนที่มีถั่วอยู่ออกไปก่อนบรรจุขวด กลายเป็นซีอิ๊วคุณภาพดี

เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น (miso) จะแตกต่างจากเต้าเจี้ยวของจีน ตรงสีข้นดำ เนื้อถั่วบดละเอียด รสและกลิ่นแรงกว่า เพราะใช้เวลาหมักยาวนานเป็นปีๆ นิยมใช้เป็นเครื่องปรุงพื้นฐานของอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่ เครื่องจิ้มต่างๆ รวมทั้งซุปทุกชนิด คล้ายกะปิ และปลาร้าในอาหารไทยของเรา

เต้าหู้ยี้ เป็นผลิตภัณฑ์หมักดองอีกชนิดหนึ่งที่ทำจากถั่วเหลือง และนิยมบริโภคกันทั่ว เต้าหู้ยี้นิยมใช้ปรุงอาหารพวกผัก (สุกี้ยากี้) เนื้อสัตว์ เป็นเครื่องจิ้ม และกินกับข้าวต้ม ที่ขายกันอยู่ในท้องตลาดมี 2 ชนิด คือ สีเหลืองและสีแดง โดยผู้ผลิตอาจเติมสารที่ให้กลิ่น สี และรสชาติเฉพาะตัวลงไปตามแนวความนิยมชอบของผู้บริโภค

เทมเป้ เป็นอาหารหมักพื้นเมืองของชาวอินโดนีเซีย ที่นิยมใช้เนื้อเทียมแทนเนื้อสัตว์ ทำจากการหมักถั่วเหลืองต้มนาน 1-2 วัน จนเชื้อราออกใยสีขาวเชื่อมยึดเมล็ดถั่วให้ติดกันแน่นเป็นแผ่นหนา เมื่อรับประทานก็จะนำไปหั่นเป็นแผ่นบางๆ จุ่มลงในน้ำเกลือ แล้วทอดน้ำมันให้กรอบหอม นอกจากนี้ ยังนำไปปรุงเป็นอาหารแทนเนื้อสัตว์ได้อีกมากมาย มีรสชาติอร่อยและให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ย่อยง่าย เป็นที่นิยมในประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่ในไทยไม่ค่อยมีคนรู้จักและนิยมรับประทานมากนัก

นัตโต เป็นอาหารหมักพื้นบ้านของชาวญี่ปุ่น ได้จากการหมักถั่วเหลืองด้วยเชื้อแบคทีเรียจำพวก บาซิลลัส นัตโต ที่ต่างจากผลิตภัณฑ์ถั่วเหลืองหมักอื่นๆ ที่มักใช้เชื้อรา ดังนั้น นัตโตจึงมีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว และมีเมือกที่แบคทีเรียสร้างขึ้นอยู่บนผิวรอบตัวของนัตโตด้วย คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานนัตโตร่วมกับซอสและซีอิ๊วขาวเป็นอาหารเช้าและอาหารค่ำ

ถั่วเน่า เป็นอาหารหมักจากถั่วเหลืองที่นิยมกันมากแถบภาคเหนือของประเทศไทย มีลักษณะคล้ายนัตโตของญี่ปุ่น ใช้เป็นเครื่องปรุงรสแทนกะปิ ส่วนใหญ่มักเติมใน ซุปผัก หรือนำมาห่อในใบตองนึ่งหรือปิ้งพอสุกแล้วกินกับข้าวเหนียว และนักมังสวิรัติบางคนยังนิยม รับประทานถั่วเน่า เพื่อชูรสชาติอาหารให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น


แหล่งข้อมูล : วารสารในเครือศูนย์ทันตกรรม Neo Dent Network

วันนี้ คุณยิ้ม แล้ว รึยัง‏...

วันนี้ คุณยิ้ม แล้ว รึยัง‏...


::ยิ้มหมายเลข 1::
@ "เมียอั๊วนอกใจว่ะ " ไอ้หนุ่มปรับทุกข์กับเพื่อน
# "เรื่องเป็นไงมาไงวะ " เพื่อนยินดีรับฟัง
@ "เมื่อคืนอีไม่ยอมกลับบ้านน่ะสิ พออั๊วถาม อีบอกว่าไปค้างกับพี่สาว..."ไอ้หนุ่มเล่า
# "ก็ไม่เห็นแปลกอะไรนี่หว่า แค่นี้จะว่าเค้านอกใจได้ไง "เพื่อนชี้ทางสว่าง
@ "โกหกเห็นๆว่ะ อั๊วนอนอยู่กับพี่สาวอีทั้งคืนแท้ๆนี่หว่า..."

::ยิ้มหมายเลข 2::
@ หนุ่มใหญ่นั่งครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานานจนภรรเมียสงสัย
# "คิดอะไรอยู่หรือพี่" เธอถาม
@ "จำได้มั้ย วันนี้เมื่อยี่สิบปีที่แล้วพ่อเอ็งจับได้ว่าข้าเข้าหาเอ็ง "
# "จำได้สิพี่" เมียพยักหน้าหงึกๆ
@ "แล้วพ่อเอ็งก็ให้ข้าเลือกว่าจะมาสู่ขอเอ็งหรือว่าจะยอมติดคุกซัก 20 ปี"
# "แล้วพี่ก็เลือกแต่งกับชั้น " เมียพยักหน้าอาการรับรู้
@ "แล้วพี่นั่งคิดอะไรอยู่ล่ะ "
# "ข้าคิดอยู่ว่า ถ้าข้ายอมติดคุก วันนี้ข้าก็พ้นโทษแล้วว่ะ!!! "

::ยิ้มหมายเลข 3::@ จิตรกรหนุ่มพยายามมีสมาธิกับการทำงานของเขา
# แต่สาวน้อยที่มาเป็นแบบให้วาดก็ทำให้ตบะของเขาขาดผึง
@ ไอ้หนุ่มกระโจนใส่เธอ กอดไว้แน่น แล้วระดมจูบอย่างเร่าร้อน
# "อย่านะ" เธอผลักไอ้หนุ่ม
@ "คุณอาจจะทำยังงี้กับนางแบบคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่ชั้นแน่!!!"
# "แต่ผมไม่เคยทำยังงี้กับแบบของผมมาก่อนเลยจริงๆนะครับ" ไอ้หนุ่มท้วง
@ "คุณพูดจริงเรอะ" เธอทำท่าไม่อยากจะเชื่อ
# "คุณวาดมาเท่าไหร่แล้ว ?"
@ "สี่..." จิตรกรหนุ่มว่า " เหยือกน้ำ แอปเปิ้ล ตะกร้า แล้วก็คุณนี่แหละ!!!"

:: ยิ้มหมายเลข 4 ::
@ แอร์โฮสเตสสายการบินที่ตกบ่อยๆประกาศก่อนเครื่องออก
# "ท่านผู้โดยสารทุกท่านโปรดทราบ
@ เที่ยวบินสู่เมืองปักกิ่งกำลังจะออกเดินทาง ณ บัดนี้แล้ว
# เพื่อความปลอดภัยขอให้ทุกท่านโปรดคาดเข็มขัดนิรภัย
@ ท่านที่พบว่าเข็มขัดนิรภัยตรงที่นั่งท่านชำรุด กรุณา
# มัดไว้ด้วยเงื่อนพิรอดนะคะ
@ กรุณาอย่าใช้เงื่อนตาย ถ้าท่านหาสายรัดเข็มขัดนิรภัยไม่พบ
# กรุณาย้ายไปที่นั่งอื่นที่ว่างอยู่ ทั้งนี้ขอให้ท่านได้โปรดวางใจ
@ ถึงแม้เครื่องบินของเราจะเก่า
# แต่ทั้งนักบินและนักบินผู้ช่วยของเรายังใหม่อยู่นะคะ..."

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2550

Coffee Lover


Coffee Lover

.:•:.•.:•:.กาแฟเวียนนา.:•:.•.:•:.

::::::ส่วนผสม::::::

กาแฟ 1 ช้อนชา
นมสดร้อน 1/3 ถ้วย
น้ำร้อน 1 ถ้วย
วิปปิ้งครีม ที่ตีให้ขึ้นแล้ว 11/2 ช้อนชา หรือตามใจชอบ
น้ำตาล ปริมาณตามใจชอบ

::::::วิธีทำ::::::

.:•:. นำกาแฟ นมสดร้อน น้ำตาล ใส่ลงในแก้ว เติมน้ำร้อนลงไป คนๆ ให้พอน้ำตาลละลาย แล้วลอยหน้าบางๆ ด้วยวิปปิ้งครีม ที่เตรียมไว้

.:•:.•.:•:.กาแฟชานติลลี่.:•:.•.:•:.

::::::ส่วนผสม::::::

กาแฟ ปริมาณตามใจชอบ
น้ำตาล ปริมาณตามใจชอบ
วิปปิ้งครีม ที่ตีให้ขึ้นแล้ว ปริมาณตามใจชอบ

::::::วิธีทำ::::::

.:•:. ชงกาแฟให้แก่ๆ ขมจัด เติมน้ำตาล ค่อยๆ เทวิปปิ้งครีม ลงบนกาแฟ โดยเทลงบนหลังช้อน
ให้ครีมค่อยๆ ไหลลงบนกาแฟ จนลอยเต็มผิวหน้า เวลาดื่ม จะได้รสร้อนๆ เย็นๆ ไปพร้อมกัน

::::::เคล็ดลับ::::::

หากเติมวิสกี้ หรือบรั่นดี หรือรัม ลงไป ก็จะกลายเป็น ไอริชคอฟฟี่ ที่รสเข้มถึงอกถึงใจไปทันที

.:•:.•.:•:.กาแฟมอคค่า.:•:.•.:•:.

::::::ส่วนผสม::::::

กาแฟ 1 ช้อนชา
โกโก้ 1 ช้อนชา
น้ำร้อน 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย ปริมาณตามใจชอบ
ช้อคโกแลตขูด 1 ช้อนชา
วิปปิ้งครีม ที่ตีให้ขึ้นแล้ว 1 ช้อนโต๊ะ หรือตามใจชอบ

::::::วิธีทำ::::::

.:•:. ใส่กาแฟ และโกโก้ ลงในแก้วเดียวกัน เติมน้ำร้อน เติมน้ำตาลทราย ลอยหน้าด้วยวิปปิ้งครีม โรยหน้าตาม ด้วยช็อคโกแลตขูด

เชอร์เบตมะนาว


เชอร์เบตมะนาว

::::::ส่วนผสม::::::

น้ำแข็งเกล็ด 2 ถ้วย
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
โรสแมรี่ 1 ช่อ
เกลือ 1 หยิบมือ


::::::วิธีทำ::::::

1. นำน้ำตั้งไฟให้เดือด แล้วใส่น้ำตาลลงไป ใส่ช่อโรสแมรี่ ถ้าไม่มีอย่างสด ก้อให้ใช้อย่างแห้งที่ขายเป็นขวด ใช้ซัก 1 ช้อนชา ใส่เกลือลงไป
2. เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนน้ำเชื่อมเหนียว จึงตักโรสแมรี่ออก ยกลงจากเตา และทิ้งไว้จนน้ำเชื่อมเย็น
3. ใส่น้ำแข็งเกล็ดลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ตามด้วย มะนาว น้ำเชื่อม
4. ปั่นจนน้ำแข็งเป็นเกล็ดละเอียด รินใส่แก้ว และเสริ์ฟทันที

ขอความคิดเห็นหน่อยนะครับ

" คำว่า เพื่อนแท้ กับ เพื่อนที่ดี แตกต่างกันอย่างไร? "

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2550

เปลือกผักผลไม้มีประโยชน์


ใครที่ชินกับการกินผักผลไม้ที่ต้องปอกเปลือกให้เกลี้ยงบ้าง อย่าง แตงกวา มันฝรั่ง มะนาว มะกรูด เป็นต้น ทราบหรือไม่ว่า เปลือกที่ปอกทิ้งไปนั้นก็มีประโยชน์เหมือนกัน วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์คลีย์ ทำวิจัยไว้ว่า
- เปลือกแอ๊ปเปิ้ล เชื่อว่ามีผลในการต่อต้านมะเร็ง ตามที่นักวิจัยพบว่าเปลือกของแอ๊ปเปิ้ลแดงผลหนึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่าวิตามินซี 820 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ได้จากน้ำส้มคั้นถึง 2 ควอตช์ เลยทีเดียว

- เปลือกมันฝรั่ง อุดมไปด้วยใยอาหาร (fiber) ธาตุเหล็ก โปแตสเซียม และวิตามินบี มากกว่าที่ได้จากเนื้อมันเสียอีก เมื่อเทียบปริมาณเท่า ๆ กันแล้ว

- ผิวส้ม มะนาว หรือมะกรูด มีสาร ดี-ไลโมนีน (น้ำมันหอมระเหยชนิดหนึ่ง) เทอปีน เฮสเพอริดีน (ยาป้องกันการตกเลือดโดยลดความเปราะของเส้นเลือด) คูมาริน (สารต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย) และแคโรทีนอยด์ (สารสีเหลืองช่วยต้านอนุมูลอิสระ) ซึ่งดีต่อสุขภาพ

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ลองหันมาทานผักผลไม้พร้อมทั้งเปลือกดู แต่ก่อนทานก็อย่าลืมล้างให้สะอาดก่อนแล้วกัน.

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2550

คนตัดไม้


มีคนตัดไม้คนหนึ่ง นำฟืนไปขายให้แก่ร้านขายฟืน
ซึ่งร้านขายฟืน ก็ปฏิบัติต่อคนตัดไม้ดีมาก
ดังนั้นคนตัดไม้จึงคิดอยากตอบแทน
โดยการจะตัดไม้ให้ได้เป็นจำนวนมากๆ

ในวันแรกคนตัดไม้ตัดไม้ได้ 20 ต้น
แล้วนำมาให้ร้านขายฟืนซึ่งร้านขายฟืนก็ชมเชย
และปฏิบัติต่อคนตัดไม้อย่างดี

แต่พอในวันที่ 2
คนตัดไม้ก็ตั้งใจจะตัดให้ได้มากขึ้น
แต่ปรากฏว่ากลับตัดได้เพียง 18 ต้น

ในวันรุ่งขึ้นก็กะว่าจะตัดให้ได้มากยิ่งขึ้น
แต่ก็กลับเหลือ 16 ต้น

ยิ่งนับวันผ่านไปเรื่อยๆก็ตัดได้น้อยลงเรื่อยๆ
จนในที่สุดคนตัดไม้ก็รู้สึกละอายใจ
จึงไปกล่าวคำขอโทษกับทางร้านขายฟืน

แต่เจ้าของร้านขายฟืนก็กลับถามคนตัดไม้ว่า
คุณลับขวานครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

คนตัดไม้ตอบว่า
ผมไม่มีเวลาหยุดลับขวานเลย
เพราะขนาดไม่หยุดยังตัดไม้ได้น้อยขนาดนี้

ซึ่งเจ้าของร้านก็บอกแก่คนตัดไม้ว่า
คุณลองคิดดูสิว่าหากคุณหยุดลับขวานให้คม
โดยเสียเวลาเพียงเล็กน้อย
คุณอาจตัดไม้ได้มากกว่านี้ก็ได้

เปรียบได้กับการทำงาน
ถ้าคุณก้มหน้าก้มตาทำโดยไม่หยุดพักหยุดคิด
เปรียบได้กับคนตัดไม้
คุณก็จะล้าลงไปเรื่อย..

ของขวัญกับความในใจ

การมอบของขวัญก็แสดงออกถึงจิตใจของผู้มอบให้ด้วยนะคะ เพราะก่อนที่เขาจะมอบให้คุณ เขาก็ต้องคิดนานอยู่เหมือนกันละว่าจะให้อะไรดี งั้นเรามาลองดูกันนะคะว่าการที่เขาให้สิ่งนั้นสิ่งนี้น่ะ มันหมายความว่างัย
ดอกไม้ ถ้าคุณไม่รู้จักเค้าเลย แสดงว่าเค้าปิ๊งคุณเข้าแล้วหล่ะ แต่ถ้าเป็นแฟนกันแล้วก็รู้ ๆ กันอยู่ คงไม่ตื่นเต้นอะไรนักหรอก คนให้เค้าอยากให้คุณแจ่มใส เบิกบาน เหมือนดอกไม้

หนังสือกลอน เค้าคงไม่กล้าบอกอะไรกับคุณ เลยใช้หนังสือกลอนเป็นสื่อ เค้าเป็นคนฉลาด รู้ทันคน ออกจะอ่อนไหว แต่ก็จริงใจกับคุณมาก หรือไม่ก็คงอยากให้กำลังใจคุณ แต่ไม่กล้าพูดน่ะ

ช็อคโกแลต คนให้นี่ค่อนข้างจะขี้เล่น ไม่ซีเรียส และใจกว้างทีเดียวนะคะ เพราะอารายน่ะเหรอ ก๊อเพราะเค้าไม่กลัวว่าคุณจะอ้วนน่ะสิจ๊า

น้ำหอม เค้าเป็นคน Hiclass ทีเดียว สำอาง สุภาพ ค่อนข้างขี้เก๊กจนน่าหมั่นไส้ (เชอะ!) แต่เท่ห์เชียวหล่ะ (อ้าว!) ช่างเอาอกเอาใจซะด้วยซี อาจเป็นชายในฝันของคุณก็ได้นะ ใครจะรู้ =*-*=

ตุ๊กตา อันนี้ม่ายหว๋าย เค้าจะมองเห็นคุณเป็นเด็กนะคะ เค้าค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ชอบสอน แต่ใจดี เหมาะกับคุณ ๆ ที่ชอบเป็นเด็กทั้งหลายนะคะ

การ์ดวาเลนไทน์ เค้าเป็นคนใจร้อน อยากให้รู้ไปเลยว่าคิดยังงัยกับเค้า เป็นคนจริงใจ ค่อนข้างจะรักเดียวเสียด้วย ก็น่าจะภูมิใจนะ ถ้าเค้าได้เป็นคนพิเศษของคุณน่ะ

คราวนี้ก็ลองนึกดูซิ ว่าหวานใจของคุณเคยให้อะไรคุณบ้าง แต่ถ้าตั้งแต่คบกันไม่เคยให้อะไรคุณเลย…..เฮอะๆๆๆๆ

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2550

ต้มยำปลาเก๋า


คุณค่าทางโภชนาการ (สำหรับ 1คน)
พลังงาน 125 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 18.2 กรัม
ไขมัน 2.8 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 5.8 กรัม
ใยอาหาร 1.4 กรัม
ธาตุเหล็ก 2 มิลลิกรัม
แคลเซียม 84 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 144 มิลลิกรัม


เครื่องปรุง
ปลาเก๋า 1 ตัว 500 กรัม
เห็ดฟาง 100 กรัม
มะเขือเทศสีดา 1 ลูก
ผักชีฝรั่ง 3 ใบ
พริกขี้หนู 5 เม็ด
พริกแห้งเผา 3 เม็ด
หอมแดงเผา 3 หัว
ตะไคร้หั่น 2 ต้น
ใบมะกรูด 4 ใบ
น้ำปลา น้ำมะขาม อย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 3 ถ้วย


วิธีทำ
1. ขอดเกร็ดปลา ผ่าท้อง ควักไส้ออก ล้างให้สะอาดแล่ตัวปลาตามยาว
เอาก้างและครีบออก ผ่าหัวออกเป็นสองซีก หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ
ทั้งเนื้อปลาและหัวปลา
2. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ตั้งไฟให้เดือด ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง พริกแห้ง ต้มจนเดือด ใส่ปลา มะเขือเทศ เห็ดฟาง
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำพริกเผา โรยผักชีฝรั่ง พริกขี้หนู ตักใส่ถ้วย รับประทานร้อนๆ

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2550

เรื่องเล็กๆๆของผู้ชาย


เรื่องเล็กๆ ของผู้ชาย

เปิดโอกาสให้ฝ่ายชายพูดบ้าง คงไม่บ่อยนักที่ฝ่ายชายจะยอมออกมาเปิดอกถึงความรู้สึกของตัวเอง คงเพราะธรรมชาตินั้นสร้างผู้ชายให้ทำเป็นแต่ปิดปากรับฟังเ รื่องราวแต่ของผู้หญิง จนพวกเธอได้ใจและไม่ยอมให้ผู้ชายได้พูดอีกเลย แต่ในชีวิตคู่นั้นการเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เผยความรู้สึก บ้าง ก็เป็นการกระชับความสัมพันธ์ได้ในอีกระดับหนึ่ง

อย่ามองว่าผู้ชายเป็นได้แค่ขอนไม้นิ่งๆ

ผู้ชายก็มีอารมณ์และอยากแสดงความรู้สึกต่างๆ ออกมาไม่แพ้ผู้หญิง ทั้งอาการดีใจ โมโห หรือฉุนเฉียว หากผู้หญิงเปิดโอกาสให้หนุ่มคนรักได้แสดงตัวตนที่แท้จริงอ อกมา ก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและหายอึดอัดและคุณผู้หญิงก็จะได ้ยินคำว่า “อยู่กับคุณแล้วผมสบายใจมากที่สุดในโลก”

ปล่อยให้ใช้ชีวิตอิสระบ้าง

เหตุผลหลักที่ทำให้ผู้ชายหาทางเลิกกับคนรัก คงเพราะการถูกจำกัดอิสรภาพมากเกินไป การมัดใจหนุ่มด้วยวิธีนี้ไม่ยาก เพียงคุณสาวๆให้เขามีเวลาส่วนตัวบ้าง ก็คงได้ผลลัพธ์ที่เขาอยากใช้เวลาส่วนตัวมาอยู่กับคุณมากขึ้น

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550

เพื่อสุขภาพ....จริงเหรอ

1. กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ

เฉลย ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง
เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณ น้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้

2. เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ

เฉลย จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียม สูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น
การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้


3. มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ

เฉลย จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีกด้วย


4. ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ

เฉลย ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบาย ยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร


5. การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ

เฉลย ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้ คน ไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็น การ บริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติ ได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืดซึ่ง ทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง


6. การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ

เฉลย จริง เพราะในเนยมีกรดอมิโน ที่มี ชื่อ ว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น


7. กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ

เฉลย จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือก เอง จะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวน ที่เพียงพอช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย


8. การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ

เฉลย จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ต มีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการ ไอเรื้อรังอย่างได้ผล


9. การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ

เฉลย จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการ เหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย


10. การกิน อาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริง หรือ

เฉลย จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหารไปเลี้ยงสมองได้น้อยลงสมองจึงค่อยๆ เสื่อม

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2550

10 ผลไม้ไทย ที่มีสารต้านมะเร็งสูง


วันนี้เกร็ดความรู้มี 10 ผลไม้ไทยที่มีสารต้านมะเร็งสูงมาฝากกัน...

กรมอนามัยวิจัย 10 ผลไม้ไทย มีสารต้านมะเร็งสูง นางนัทยา จงใจเทศ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการทำวิจัย “องค์ความรู้เรื่องปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ (วิตามินซี วิตามินอี และ เบต้าแคโรทีน) ในผลไม้” ที่ทำการศึกษาในผลไม้ 83 ชนิด พบว่า

ผลไม้ 10 อันดับแรกที่มีเบต้าแคโรทีนสูงคือ

1. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
2. มะเขือเทศราชินี
3. มะละกอสุก
4. กล้วยไข่
5. มะม่วงยายกล่ำ
6. มะปรางหวาน
7. แคนตาลูปเนื้อเหลือง
8. มะยงชิด
9. มะม่วงเขียวเสวยสุก
10. สับปะรดภูเก็ต

ผลไม้ทั้งหมดนี้มีเนื้อสีเหลืองและสีเหลืองเข้ม

ส่วนผลไม้ที่ไม่มีเบต้าแคโรทีนเลย

1. แก้วมังกร
2. มะขามเทศ
3. มังคุด
4. ลิ้นจี่
5. สาลี่

ส่วน 10 อันดับแรกของผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ

1. ฝรั่งกลมสาลี่
2. ฝรั่งไร้เมล็ด
3. มะขามป้อม
4. มะขามเทศ
5. เงาะโรงเรียน
6. ลูกพลับ
7. สตรอเบอร์รี่
8. มะละกอสุก
9. ส้มโอขาว
10. แตงกวา
11. พุทราแอปเปิล

การศึกษานี้พบผลไม้ที่มีวิตามินอีสูง 10 อันดับแรกคือ

1. ขนุนหนัง
2. มะขามเทศ
3. มะม่วงเขียวเสวยดิบ
4. มะเขือเทศราชินี
5. มะม่วงเขียวเสวยสุก
6. มะม่วงน้ำดอกไม้สุก
7. มะม่วงยายกล่ำสุก
8. แก้วมังกรเนื้อสีชมพู
9. สตรอเบอร์รี่
10. กล้วยไข่

ผลไม้ที่มีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีน้อยทั้ง 3 ตัว คือ สาลี่ องุ่น และแอปเปิล

ส่วนผลไม้ที่มีสารทั้ง 3 ตัว ค่อนข้างสูงคือ มะเขือเทศราชินี

ทั้งนี้ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและอี เป็นกลุ่มของสารอาหารที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่ก่อให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ทำลายเนื้อเยื่อ เกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด สารทั้ง 3 ตัว โดยเฉพาะ เบต้าแคโรทีนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์ ป้องกันเนื้องอก ลดความเสี่ยงการเป็นต้อกระจก มะเร็งและหัวใจได้

จึงควรรับประทานผลไม้ในปริมาณมากพอสมควรทุกวัน หรืออย่างน้อยวันละ 4 ส่วนของอาหารที่รับประทาน เพื่อสุขภาพที่ดี

"ปรัชญาสู่ความยิ่งใหญ่ 5 ข้อ"

มีผู้คนมากมายที่เคยเข้ามาพูดคุยและป้อนคำถามว่า “อะไรคือหลักปฏิบัติให้สามารถก้าวเดินสู่หนทางแห่งความยิ่งใหญ่หรือบันไดสู่ความสำเร็จได้..?” คำตอบจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือบุคคลรอบข้าง มีปรัชญาง่าย ๆแต่ปฏิบัติยากเพียง 5 ข้อเท่านั้นคือ
1. จดจำไม่ลืมเลือน
เรื่องดีเก็บเกี่ยวให้เป็นความทรงจำอันประทับใจเพื่อสร้างความสุขเรื่องร้ายเก็บใส่ใจเอาไว้เป็นเครื่องเตือนใจเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเช่นเดิมอีกต่อไปในอนาคต

2. โอนอ่อนดั่งต้นหลิว
การอ่อนน้อมถ่อมตน ล้วนเป็นข้อปฏิบัติที่สำคัญสำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งหลาย การรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดีไม่คล้อยตามบุคคลอื่นอย่างไร้เหตุผล การกระทำเช่นนี้เปรียบได้กับต้นหลิวใหญ่ที่รู้จักลู่ลมเมื่อพายุฝนพัดกระหน่ำ แม้ต้นไม้ใหญ่ทั้งหลายจักโค่นล้มลงเท่าใดก็ตาม หากแต่ต้นหลิวก็ยังคงทนอยู่ได้อย่างมั่นคงสืบไป

3. เมตตารู้จักให้
การรู้จักให้ความเมตตา ให้ความรัก ให้อภัย หรือสิ่งใดก็ตามในทางที่ดีแก่ผู้อื่นนั้น ย่อมสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ได้ประสบพบเห็นเสมอ ดั่งพุทธพจน์ที่ว่า “ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก”

4. สนใจรับผิดชอบ
ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นการงาน เรื่องครอบครัว เรื่องเวลานัดหมาย เรื่องเพื่อนฝูงญาติพี่น้องและตนเอง เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจและเอาใจใส่หากบุคคลใดบกพร่องต่อหน้าที่ความรับผิดชอบแล้วไซร้ เห็นที่จะประสบความสำเร็จได้ยาก ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณตัดเส้นทางเดินสู่ความยิ่งใหญ่ของคุณเช่นกัน

5. อดทนจนได้ชัย

“เป้าหมายที่ปลายมือย่อมดีกว่าเป้าหมายที่ปลายฟ้า” ความหวังที่จะประสบผลสำเร็จในความปรารถนาที่จับต้องได้และไม่ไกลเกินฝันนั้น แม้จะยังไม่สำเร็จในวันนี้หากรู้จักความมานะอดทนสักวันหนึ่งวันข้างหน้าก็ต้องประสบความสำเร็จจนได้ เช่นเดียวกับสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยที่พี่ชายผู้เขียนเป็นนายกสมาคมฯ และผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาสมาคมฯ ซึ่งกลายเป็นทีมกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี 2547 สามารถคว้าเหรียญกีฬาโอลิมปิค ได้ถึง 4 เหรียญ เราต้องใช้ระยะเวลาในการหล่อหลอมฝึกฝนนักกีฬาแต่ละคนไม่ต่ำกว่า 8- 10 ปี ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ กว่าจะมีวันแห่งชัยชนะและเป็นสุดยอดของทีมนักกีฬาไทย หรือแม้กระทั่งทีมเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ได้รับชัยชนะจากการแข่งขันที่ประเทศอังกฤษจนกระทั่งกลายเป็นทีมเชียร์ลีดเดอร์แชมป์โลก ต่างก็ต้องอดทนต่ออุปสรรคมากมายกว่าจะถึงเส้นชัย ดังนั้นการก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่นั้นจำเป็นต้องอดทน


...นี่แหละคือปรัชญาสู่ความยิ่งใหญ่....ที่ดูเหมือนง่ายแต่ทำได้ยาก...

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2550

ดื่มน้ำเมื่อท้องว่าง ดีอย่างไร?


การดื่มน้ำเมื่อท้องว่างผ่านกระเพาะเพื่อรักษาสุขภาพที่ดี

ในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้เป็นที่นิยมการดื่มน้ำทันทีหลังตื่นนอนตอนเช้า (ก่อนแปรงฟัน) เพื่อการรักษาสุขภาพที่ดี มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ พบว่าน้ำ สามารถใช้ชะลอความแก่ และสามารถบำบัดรักษาโรคได้ เราสามารถใช้น้ำเพื่อบำบัดรักษาโรคได้หลายโรค มีการพิสูจน์จนยอมรับว่าสามารถบำบัดรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล 100% (ค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้ระยะเวลา) ปวดหัว ปวดตามตัว โรคระบบหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ โรคหัวใจเต้นเร็วโรคลมบ้าหมู โรคอ้วน โรคหลอดลมอักเสบ โรคหืด วัณโรค อาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ โรคไต และยูริก โรคแสลงคลื่นไส้ต่างๆโรคกระเพาะ โรคท้องร่วง โรคริดสีดวง โรคเบาหวาน โรคอาการท้องผูก โรคตา โรคภายในสตรี มะเร็ง และรอบเดือนไม่ปกติ โรคคอ หู จมูก

วิธีการรักษาปฏิบัติดังนี้
1. ตื่นนอนตอนเช้า ก่อนแปรงฟัน ให้ดื่มน้ำ 4 แก้ว (640 ซีซี)
2. หลังจากนั้นสามารถแปรงฟันและล้างหน้าได้ แต่ต้องไม่ดื่ม หรือรับประทานอะไรจนกว่า 45 นาทีผ่านไป จึงจะรับประทานได้ตามปกติ
3. หลังรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็น ไปแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2550

8 ข้อตกลงก่อนที่จะรักกัน


1. แต่งตัวหรือช้อปปิ้งนานเกินเหตุ ก็บอกคนรักก่อนที่เขาจะไปกับเรา

2. ต้องบอกล่วงหน้า ถ้าไม่ว่างหรือจะมาช้า

3. อย่าผิดนัดบ่อย ( เพราะจะรู้สึกเบื่อมาก ๆๆ )

4. ไม่ควรพูดจาหยาบคายหรือตะคอกใส่กัน ( เพราะจะทำให้เรา(เขา)รู้สึกเสียใจและเกิดอาการน้อยใจ )

5. ห้ามขู่หรือทำร้ายร่างกาย ( โดยเด็ดขาด เพราะเราเขา จะทนไม่ได้)

6. ห้ามหลีชาย( หญิง ) อื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง คนรัก ( เพราะจะทำให้เรา(เขา)รู้สึกด้อยหรือไม่มั่นใจตัวเอง)

7. อย่าโกหกในเรื่องสำคัญ ๆเช่น เรื่องครอบครัว การทำงาน และเรื่องส่วนตัว ถ้าจับได้ทีหลังมันเสียความรู้สึก ( สำคัญมาก ๆๆ)

8. ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกเบื่อหรือไม่เหมือนเดิมให้รีบบอกอีกฝ่ายหนึ่งทันที(โดยด่วน เพราะจะได้เตรียมใจทัน )


แต่ที่บอกกล่าวมาในข้างต้น ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตามเสมอไป เราควรเว้น ช่องว่าง ไว้ให้กันบ้าง เพื่อที่จะได้มีเวลาเป็นส่วนตัว ถ้าเกิดคิดจะติดอยู่ในกรอบของใครของมันแบบนี้ ไม่ได้ทำให้มีความสุขทั้งสองฝ่ายหรอกนะคะ ลองคิดดูก่อนเพราะถ้าเกิดตั้งกฎขึ้นมา ตอนแรกเขาอาจจะรับได้แต่พอเรื่อย ๆไป เราอาจจะไปบังคับเขาไม่ได้แล้ว

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2550

5 ขั้นตอนก่อนจะ...เสียตัว

ตอนเป็นวัยรุ่น ผมมีเพื่อนผู้ชายมากมายหลายคนที่เป็นสมาชิก "หน่วยล่าพรหมจรรย์" เขาทั้งหลายจะรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ "ทำแต้ม" ในการจีบทิ้งจีบขว้าง…เมื่อสาวหลงใหล ก็ผลักไสเพื่อหา(เหยื่อราย)ใหม่ต่อไป เก็บสถิติให้หมดทุกคณะในมหาวิทยาลัย จีบแล้วฟัน ฟันแล้วทิ้ง เป็นวัฏจักรแห่งกิจกรรมชีวิต…เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของชีวิต คนเรานี่ถ้าเป็นเอกในเรื่องความดีไม่ได้ ก็ไม่ขอเป็นรองใครในเรื่องชั่ว…เหมือนตัวผู้ร้ายในหนังเรื่อง Unbreakable จะมีวิธีการใดที่สาวๆ วัยรุ่นที่น่ารักทั้งหลาย จะหลีกหนีมิให้ตนต้องตกเป็นเหยื่อของบุคคลดังกล่าว…ผมตกผลึกมาได้ทั้งหมด 5 ขั้นตอน

1. อย่าเปิดโอกาส จากการสัมภาษณ์วัยรุ่นจำนวนมาก พบว่าการมีเซ็กส์ครั้งแรกไม่ได้เกิดขึ้นโดยความตั้งใจหรือมีการเตรียมความ พร้อม ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะบรรยากาศพาไป อยู่กันสองต่อสองหรือสถานที่ลับหูลับตา โดยหารู้ไม่ว่าสถานที่ดังกล่าวคือออฟฟิตของเหล่าบรรดาสมาชิกหน่วยล่า พรหมจรรย์ ถ้าเขาชักชวนไปในที่ดังกล่าว เราก็ขอเปลี่ยนเป็นสถานที่ที่ผู้คนชุกชุม เวลาค่ำมืดก็ต้องหลีกเลี่ยง…แผนการที่เขาได้วางไว้ ไม่สามารถลงมือได้…เพราะโอกาสไม่เอื้ออำนวย อย่าคิดว่าผู้ชายดีๆ จะไม่เคยคิดชั่ว…สมัยผมเป็นวัยรุ่นคิดชั่วเป็นประจำ แต่ดีอยู่อย่างคือไม่เคยลงมือ… เพราะไม่มีโอกาส…เดี๋ยวนี้ผมมีโอกาสมากมาย แต่ไม่ยอมลงมือ เพราะเลิกคิดชั่วแล้ว… จากวัยรุ่นอายุใกล้ 20 มาเติบโตจนถึงวัยเกือบ 40…จากคนที่คิดชั่วเป็นประจำ มาเป็นเลิกคิดชั่วแล้ว…การเปลี่ยนแปลงตรงนี้เราเรียกว่า "วุฒิภาวะ" (Maturity) – ส่วนหนึ่งของวุฒิภาวะคือความสามารถในการควบคุมอารมณ์ความต้องการของตนหรือ ยับยั้งชั่งใจที่จะกระทำตามความแรงขับภายในจิตใจของตนเอง หรือพูดให้จำง่ายๆว่า "สมองส่วนคิดควบคุมสมองส่วนอยาก" เพราะฉะนั้น ในท่ามกลางหมู่เพื่อนวัยหนุ่มฉกรรจ์ซึ่งยังอ่อนวุฒิภาวะ สมองส่วนอยากทำงานมากกว่าสมองส่วนคิด…การปิดโอกาสมิให้ผู้ชายประพฤติชั่ว มีค่าเท่ากับการเปิดโอกาสให้เขารักษาความดี…

2. อย่าเปิดเครื่องรางของขลัง ต้องรู้ว่าผู้ชายกับผู้หญิง อารมณ์ทางเพศตื่นตัวเร็วช้าต่างกัน – ผู้ชายตื่นตัวง่ายเหมือนเตาแก๊ส ส่วนผู้หญิงตื่นตัวช้าเหมือนเตาถ่าน…บางคนต่อความยาวสาวความยืด…กะเทยตื่น ตัวแบบเตาอบไมโครเวฟ…เธอตั้งอุณหภูมิและเวลาได้ตามความเหมาะสม… เพราะฉะนั้น เสื้อผ้าน้อยชิ้นหรือรัดรูป เห็นร่องรอยทรวดทรงองค์เอวของคุณผู้หญิง เป็นเสมือนเครื่องรางของขลัง ที่มีเวทมนต์ดลบันดาลให้ผู้ชายดีๆแปลงร่างกลายพันธุ์เป็นสุนัขป่าล่าเหยื่อ ได้ – ผู้หญิงอาจบอกว่าแต่งโชว์กันเองในหมู่เพื่อนหญิง หนูไม่คิดอะไรมาก…แต่ผู้ชายรู้สึกเยอะ เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้…แต่งโป๊ๆ เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนผู้หญิงเป็นหมู่ๆ ไม่ว่ากัน แต่ถ้าไปกับผู้ชายสองต่อสอง ต้องหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง…เพราะผู้ชายอาจแก้มนต์ขลังของเราโดยการ "เสกเนื้อเข้าท้อง" หรือมันเล่น "ทำของใส่" …แล้วเราจะเป็นฝ่ายเดือดร้อน

3. อย่าเปิดไฟเขียว เป็นผู้หญิงต้องหัดรู้จักปฏิเสธซะบ้าง ไม่ใช่ผู้ชายจะทำอะไร เราไม่ชอบก็ยอมเขาไปหมด ต้องรู้จักใช้ปากในการปฏิเสธ หัดพูดคำว่า "ไม่" "อย่า" "หยุด" …สองคำหลัง ห้ามพูดติดกัน! คำปฏิเสธของเราเปรียบเสมือนสัญญาณไฟแดงบอกให้ฝ่ายชายหยุดการกระทำใดๆ ที่เป็นการเคลื่อนไหว…ถ้ายังไม่หยุดแนะนำว่าควรลุกเดินหนี เพราะบางราย ถ้าเราแค่พูดเฉยๆ เขาอาจคิดว่าเราปฏิเสธพอเป็นพิธี เวลาไปดูหนังด้วยกัน ในโรงหนังจะปิดไฟมืด แม้มีคนมาก แต่ก็เหมือนอยู่กันสองต่อสอง ดูหนังไปอาจเห็นฉากเลิฟซีนรัญจวนใจยั่วเย้าให้เกิดอารมณ์…ขณะเดียวกันกับ ที่ฝ่ายชายก็รุกเร้าด้วยการสัมผัส อาจเริ่มต้นที่วงแขนก่อนที่จะขยายวงกว้างขึ้นๆ…เราเป็นผู้หญิง ไม่ถูกใจก็ต้องกล้าพูด "นี่เธอทำอะไร หยุดนะ! เอามือออกจากแขนฉันเดี๋ยวนี้….แล้วไปวางไว้ที่หน้าขา" …หมายถึงหน้าขาของฝ่ายชายครับ! อย่าเข้าใจผิด!

4. เจอกันครึ่งทาง บ่อยครั้งเหลือเกินที่ผู้หญิงเองก็ได้รับสัมผัสแห่งความรู้สึกอันอบอุ่น ไว้วางใจ เชื่อมั่น ปลอดภัย และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายซึ่งยากต่อการปฏิเสธ…คุณก็รอโอกาสนี้มานานแล้ว ความรู้สึกโหยหาและหวงแหนทำให้คุณมิอาจเอ่ยคำพูดอันเป็นเหตุทำให้ชายที่คุณ รักรีบ "ถอนสมอ" ขณะที่เขากำลังเตรียมพร้อมจะจอดเทียบ "ท่าใจ" ของคุณ คุณจึงไม่ยอมให้เขา "มือหลุด" เพราะไม่อยากให้เขา "หลุดมือ" ด้วยเหตุที่เขาเป็นผู้ชายที่คุณมองเห็นแล้วว่าดีพอสำหรับคุณ…อย่างที่เคย บอกกันอยู่ ผู้ชายดีๆ เดี๋ยวนี้หายาก…และผู้ชายดีๆ แท้ๆ ยิ่งหายากกว่า การสัมผัสทางกาย เป็นการสื่อสารความรู้สึกผูกพันต่อกัน บ่งบอกอีกหลากหลายอารมณ์ที่ถ้อยคำวาจาก็มิอาจแทนใจ…แต่คุณจะกั้นพรมแดนของ การสัมผัสอยู่แค่ไหน เพื่อที่จะถ่ายเทความรักจากใจสู่ใจระหว่างกัน…โดยที่คุณทั้งสองตระหนักถึง ความไม่พร้อมที่จะมี "กิจกรรมเข้าจังหวะ" ทางกายระหว่างกัน ถ้าแฟนขอที่จะร่วมรักด้วย แต่คุณคิดว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะไปถึงจุดนั้น…ต้องรู้เทคนิคการเจรจา ต่อรองเพื่อพบกันครึ่งทาง…สถานการณ์สมมติ…
คุณพ่อจะทำยังไง ถ้าลูกสาวอยากให้คุณพาไปดูหนัง แต่คุณพ่ออยากนอนพักผ่อนอยู่กับบ้าน จะไปดูหนังตามใจลูกสาวก็ฝืนใจตัวเอง จะบังคับให้ลูกสาวอยู่บ้านก็ไม่อยากขัดใจลูก…ทางออกที่ไม่ทำร้ายจิตใจทั้ง สองฝ่ายอาจเป็นการตกลงเช่า VDO มาดูที่บ้านดีกว่า…อย่างนี้เรียกว่า "เจรจาต่อรอง" เป็นการพบกันครึ่งทางโดยแท้ เพศสัมพันธ์ (Sexual Relationship) คือกิจกรรมทางกายระหว่างคนสองคน ไม่จำเป็นต้องเป็นการร่วมเพศ (Sexual Intercourse) เสมอไป…แต่เพราะคำว่าเพศสัมพันธ์ฟังแล้วนุ่มกว่าคำว่าร่วมเพศ คนทั่วไปจึงเอามาใช้แทนกัน เหมือนเราใช้คำว่า "แฟน" แทนคำว่า "สามีหรือผัว"…ดังนั้นต้องแยกความแตกต่างให้ออก หญิงชายที่รักกันจึงสามารถมีกิจกรรมทางผิวหนังให้เลือกมากมายตั้งแต่ จับมือ เดินจูงมือกัน คล้องแขน ซบไหล่ โอบคอ กอดเอว หอมแก้ม ซุกไซ้ซอกคอ จูบปาก กอดรัด(ฟัดเหวี่ยง) ถูไถไปมาภายนอก สำเร็จความใคร่ให้แก่กันและกัน และอื่นๆ อีกมากมาย……โดยไม่มีการ "เติมคำลงในช่องว่าง" …หัดพูดประโยคต่อไปนี้… "ฉันรักเธอมาก แต่ฉันยังไม่พร้อม แค่เธอกอดฉันไว้แน่นๆ ฉันก็มีความสุขแล้ว"
"ฉันจะยอมต่อเมื่อเราเป็นสามีภรรยากันแล้วเท่านั้น ตอนนี้เรามีอะไรกันภายนอกก็พอ"

5. รู้จักป้องกัน หากคุณทั้งสองพร้อมที่จะขยายพรมแดนกิจกรรมแห่งความรัก พร้อมที่จะพลีกายให้แก่กันและกัน สำหรับวัยรุ่นมีความเหมาะสมหรือไม่ ยังเป็นข้อถกเถียงกันทั่ว แต่อย่าติดเพียงแค่มองว่าเด็กมีปัญหา แต่ต้องมองให้เห็นรากเหง้าสาเหตุของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เดี๋ยวนี้วัยรุ่นรับวัฒนธรรมตะวันตกผ่านสื่อที่มีรูปแบบพัฒนาตามเทคโนโลยี ที่ทันสมัยมากขึ้น ในขณะที่วัฒนธรรมไทยอ่อนกำลังลง…คำสอนประเภทให้รักนวลสงวนตัว อย่าชิงสุกก่อนห่าม อดเปรี้ยวไว้กินหวาน กลายเป็นคำสอนเชยๆในสายตาวัยรุ่นซะแล้ว ฉะนั้นแทนที่ผู้ใหญ่จะมัวแต่ตำหนิพฤติกรรมวัยรุ่น เรามาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้วัฒนธรรมไทยเข้มแข็งขึ้นกว่านี้…เลิกคิด ว่าเด็กเป็นตัวปัญหา เพราะแท้จริงเขาเป็นเหยื่อของผู้ใหญ่…ที่อยากได้ตังส์จากเด็ก ในฐานะแพทย์ผมให้ความเห็นส่วนตัวว่า เซ็กส์ในวัยเรียนมีสองแบบ…เซ็กส์โง่กับเซ็กส์ฉลาด ถ้าถูกเขาหลอกกินไข่แดง หลงเชื่อคำหวาน ไม่รู้จักปฏิเสธ ไม่รู้วิธีป้องกัน อย่างนี้เรียกว่าเซ็กส์โง่ – โง่ทั้งผู้ชายและผู้หญิง…แต่ผู้หญิงรับผลกรรม ถ้าผู้ชายมันไม่รับผิดชอบ แต่หากเซ็กส์นั้นเป็นความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรักอัน แน่นแฟ้น รู้จักป้องกันโทษที่อาจเกิดขึ้น คือ การตั้งครรภ์และการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ อย่างนี้เรียกว่าเซ็กส์ฉลาด ต้องรู้จักรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ทำแล้วมานั่งทุกข์ทรมานใจภายหลัง เช่นรู้สึกผิด เศร้า หรือกังวล…ไม่คุ้มเลยเมื่อต้องแลกกับความสุขแป๊บเดียว เสียวชั่วคราว แล้วต้องเศร้าเนิ่นนาน ทรมานใจไปชั่วชีวิต …ถุงยางอนามัยคือทางเลือกสุดท้ายจริงๆ หลังจากที่ผ่านมาหมดแล้วทุกขั้นตอนที่กล่าวมา หน้าที่ของผมก็คงให้ข้อมูลคุณได้เท่านี้… ส่วนหน้าที่ในการตัดสินใจ ขึ้นอยู่กับเจ้าของอวัยวะเพศของตัวเอง…ของใครของมัน

อัญมณีประจำวันเกิด


สำหรับคนเกิดวันอาทิตย์ อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ ทับทิม, โกเมนเพทาย, เพชรสีแดง



สำหรับคนเกิดวันจันทร์ อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ มุกดา, บุษราคัม, แซฟไฟร์สีเหลือง ซิทริน, อำพัน, เพชรสีเหลือง และไข่มุกสีทอง




สำหรับคนเกิดวันอังคาร อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ ปะการัง, แซฟไฟร์สีชมพู, โรส ควอตซ์เพชรสีชมพู และไข่มุกสีชมพู



สำหรับคนเกิดวันพุธ อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ มรกต, หยก, กรีน, ทูร์มาลีนมาลาไคต์ เพริดอต, เขียวส่อง และโกเมนสีเขียว



สำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ ไฟร์ โอปอล, คาร์เนเลียนไพฑูรย์, โกเมนสีส้ม, แซฟไฟร์สีส้ม



สำหรับคนเกิดวันศุกร์ อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ ไพลิน, บลูโทปาซ, ลาพิสลาซูลีเทอร์ควอยซ์, เพทายสีฟ้า และเพชรสีฟ้า-สีน้ำเงิน



สำหรับคนเกิดวันเสาร์ อัญมณีที่ถูกโฉลกคือ อเมทิสต์, แซฟไฟร์สีม่วงนิล, หยกดำ, โอ

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2550

สะระแหน่


สะระแหน่ ผักชนิดนี้มักถูกนำมาประดับอาหารประเภท ลาบ ยำ อยู่บ่อย ๆ จนหลายคนคิดว่าสะระแหน่เป็นไม้ประดับจริง ๆ เพราะมักถูกวางทิ้งไว้ข้างจาน อย่างน่าเสียดายประโยชน์ที่มีอยู่ในตัว

ประโยชน์ที่ว่า

คือ สะระแหน่ใช้เป็นยาดับร้อน ถอนพิษไข้ ขับลม ขับเหงื่อ รักษาอาการ หวัดได้ และยังสามารถแก้อาการ ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ และหากนำน้ำ ที่คั้นจากต้น และใบมาใช้ดื่ม ก็จะช่วยขับลมในกระเพาะได้ หรือใครจะกินสด ๆ เพื่อดับกลิ่นปากก็ยังได้
นอกจากนี้ การบริโภคสะระแหน่ ยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง โล่งคอ ป้องกัน ไข้หวัด บำรุงสายตา และช่วยให้หัวใจแข็งแรง
หากใครมีอาการปวดศีรษะ ปวดฟัน เจ็บคอ เจ็บปาก เจ็บลิ้น ก็ให้ดื่มน้ำต้มใบสะระแหน่ 5 กรัม กับน้ำ 1 ถ้วย ผสมเกลือเล็กน้อย วันละ 2 ครั้ง น้ำต้มใบสะระแหน่ ยังสามารถรักษา อาการบิดท้องร่วง อุจจาระเป็นเลือด

ส่วนการแก้พิษ

แมลงสัตว์กัดต่อย ทำได้โดยตำใบ สะระแหน่ให้ละเอียด แล้วพอกบริเวณ ที่โดนกัด อย่าลืมว่า ใบสะระแหน่ ที่สดและอ่อน จะมีคุณค่ามากกว่าใบสะระแหน่แห้ง รู้แบบนี้แล้ว อย่าปล่อยให้สะระแหน่เป็นเพียงไม้ประดับจานอีกต่อไป จงจัดการให้เรียบ อย่าให้เหลือ ไม่งั้น เสียดายแย่

อ่านซะ

1. จงใช้เวลาแก่ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ เติบโตอย่างช้าๆ อย่าใจเร็วด่วนได้ ความชอบพออย่างแท้ จริงจะค่อยๆ เป็นไปอย่างช้าๆ

2. จงซื่อสัตย์และเปิดเผยกับคนรัก การโกหก ไม่ซื่อสัตย์จะทำลายมิตรภาพ

3. จงกระทำต่อผู้อื่นเหมือนอย่างที่คุณอย่างให้ผู้อื่นเขากระทำต่อตัวคุณ

4. นึกไว้เสมอว่าคนรักของคุณไม่ใช่คนดีพร้อม ไม่มีใครดีหมดทุกอย่าง บางทีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ของคนรัก ก็กลายเป็นความน่ารักได้ ถ้าคุณใจกว้างพอ

5. จงภูมิใจในความสำเร็จของคนที่คุณรัก อย่านำไปเปรียบเทียบกับความสำเร็จของคุณหรือคนอื่นๆ เป็นอันขาด จงมองเฉพาะที่คนรักของคุณทำได้ จะมากกว่าคุณหรือน้อยกว่าคุณก็ “ดีมาก” ทั้งนั้น

6. อย่าคาดหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นเสมอ แม้คนที่กำลังรักกันแทบจะกลืนกิน ก็ยังมีข้อขัดแย้งหรือไม่ลงรอยได้บ้าง

7. ถ้าคุณพบคู่รักบางคู่คุยว่า เขาไม่เคยทะเลาะกันเลย ก็อย่าไปใส่ใจมากนัก เพราะเขาอาจไม่ได้ พูดกันเลย หรือไม่รักกันเลยก็ได้

8. ในกรณีที่ยังไม่มีคู่รักที่แท้จริง จงเปิดใจให้โอกาสพบปะผู้คนอื่นๆ ให้มากขึ้น คุณจะได้มีโอกาสพบคนที่คุณอยากรักจริงๆ ได้

9. จงมีส่วนร่วมต่อการสร้างความสัมพันธ์ อย่าคิดถึงความได้เปรียบเสียเปรียบ ถ้าคุณให้ของขวัญราคาแพงแก่คนรัก แต่เขาตอบแทนด้วยของขวัญราคาด้วยกว่า ก็ไม่เป็นไรเพราะเขาอาจไม่ สามารถให้อะไรกับตัวคุณได้เท่าที่คุณคาดหวังเอาไว้ ฝ่ายที่รับของจากคนรัก จงหาทางตอบแทนเสมอ แม้จะไม่เท่าและไม่เหมือนกันก็ไม่เป็นไร อย่าเป็นฝ่ายรับฝ่ายเดียว

10. จงเป็นนักฟังที่ดี แสดงว่าคุณเอาใจใส่และสนใจเขา เท่ากับแสดงว่าเขาเป็นคนสำคัญ

11. จงยิ้มกับคนรักเสมอ การยิ้มทำให้รู้สึกว่าคุณเป็นคนมีมิตรไมตรี

12. อย่าเปิดเผยความลับ หรือนินทาคนรักลับหลัง เพราะจะเป็นพิษต่อความรักอย่างยิ่ง

13. อย่าใช้ความรักไปหลอกลวงคนอื่น

14. จงถามเพื่อนที่สนิทว่า คุณมีจุดเด่นที่น่าประทับใจ หรือจุดอ่อนตรงไหนบ้าง ทุกคนมีจุดอ่อนในตัว คุณจะได้พัฒนา ปรับปรุงตัวเองให้น่ารักมากขึ้น

15. จงให้เวลาสำหรับความรักและคนรัก อย่าโหมทำงานมาก หรือออกสังคมมากไป จนทำให้สูญเสียคนที่เรารักและห่วงใยไป

16. จงบอกคนรักว่า เขาทำให้คุณสุขหรือสบายใจอย่างไร เขาพอใจที่จะได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น เช่น “อยู่กับคุณแล้วรู้สึกสบายใจและมั่นใจดีมาก”

17. อย่าพูดตัดพ้อ หรือต่อว่าโดยไม่คิด เช่น “คุณผิดเวลาอีกแล้ว” หรือ หรือ “คุณไม่รักฉันจริง” แต่จงบอกคนรักว่า “ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ใจคิดถึงคุณจัง” ทำนองนั้น

18. อย่าท้อแท้เมื่อเกิดความเข้าใจผิดหรือขัดใจกัน จงทำสิ่งที่เลวร้ายให้กลายเป็นสิ่งที่ดีงามต่อไป โดยมุ่งมั่นถึงการรักษาสัมพันธภาพที่ดีเอาไว้ และพยายามควบคุมช่วงเวลาเลวร้ายเหล่านั้นเอาไว้ ให้ได้

19. เรียนรู้อารมณ์ของคนที่คุณรัก อย่าหวังว่าเขาจะสดชื่น หรือเอาใจเก่งตลอดเวลา ในยามเขาเคร่งเครียดเหน็ดเหนื่อยจงอย่าสั่ง แต่จงให้ความสบายกายและความสบายใจแก่เขาตลอด

20. อย่าลืมคำชมเชย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีแก่ทุกคน จงชมคนที่คุณรัก คำชมจะทำให้ความรักยั่งยืน

21. จงมีกิจกรรมร่วมกันที่สนุกสนาน เช่น การเดินทางท่องเที่ยวที่ไม่ลำบากนัก เล่นกีฬาบางอย่างด้วยกัน หรือเดินเล่นด้วยกัน เป็นต้น

22.กิจกรรมบางอย่างที่เราไม่ชอบ แต่คนรักชอบก็น่าจะลองกิจกรรมเหล่านั้นดูบ้าง

23. สนใจและช่วยจัดการในสิ่งจำเป็นของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายจะเดินทางไปไกล จงคิดว่าเขาน่าจะต้องการอะไรเพิ่มเติมบ้าง จงช่วยจัดหาหรือเพิ่มเติมให้เขานั้นแสดงถึงความเอาใจใส่ เขาอย่างแท้จริง

24. อย่าคาดหวังว่าคนรักจะให้สิ่งที่คุณต้องการได้ครบถ้วน เพราะจะทำให้คุณผิดหวัง และเป็นอันตรายต่อความรัก

25. อย่าดูหมิ่นหรือดูถูกคนรักว่าด้อยกว่า หรือเป็นหนี้บุญคุณ จงมองคนรักเหมือนคนที่เพิ่งพบและรู้ จักกัน และรักกันใหม่ๆ ทำให้เกิดความสนใจใยดีอยู่เสมอๆ ทุกๆ วัน ไม่เกิดความเบื่อหน่าย จำเจ

26. อย่าบีบบังคับความรัก เพราะความรักไม่อาจสร้างขึ้นตามความต้องการได้ แต่จงปล่อยให้มันพัฒนาไปตามเงื่อนไขของมันเอง อาจจะเริ่มจากมิตรภาพก่อนแล้วกลายเป็นความรักก็ได้

หลายๆ คนอ่านแล้วบอกว่าทำได้ยาก แต่อยากจะบอกว่า ไม่มีสิ่งใดยากเกินไปหรอก ถ้าเราทำเพื่อการพัฒนาตนเอง และพัฒนาความรัก จงใช้หลักง่ายๆ อีก 4 ข้อ คือ

1.ฝืนทำบ่อยๆ แรกๆ ทำไม่คล่อง ก็จงฝืนทำไป

2.ฝึกบ่อยๆ จนเป็นนิสัยที่ดีงาม

3.ข่มใจ อย่าเพิ่งเลิก อย่าเพิ่งท้อถอย ถ้าผลออกมาไม่ถูกใจ หรือเกิดความโกรธหรือเบื่อหน่ายกลางคันเสียก่อน ก็จงข่มใจทำต่อไป ช่วยทำให้เกิดการฝืนและการฝึกบ่อยๆ ได้ดีขึ้น

4.ลดตัวเองลง ต้องหมั่นลดตัวเอง อย่าอีโก้สูงนัก หรือคิดถึงแต่ตัวเองหรือมาตรฐานของตัวเองตลอดเวลา เพราะจะทำให้คุณทำสิ่งใหม่ๆ ที่ดีๆ ไม่ได้เลย ลองดูนะ แล้วคุณจะมีความรักที่งดงามในหัวใจ และความรู้สึกได้แน่ๆ เป็นความสุขที่ใครๆ ก็อยากได้ เราขอให้ทุกท่านจงมีชีวิตใหม่ มีความรักใหม่ที่

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2550

'สปาเกตตี้ไก่สับ'


เครื่องปรุง - ส่วนผสม
1. เส้นสปาเก็ตตี้ 200 กรัม

2. เนื้ออกไก่สับ 200 กรัม

3. เกลือป่น 1 ช้อนชา

4. มะเขือเทศหั่นเป็นลูกเต๋า 4 ผล

5. พริกหวานหั่นเป็นลูกเต๋า 1 ลูก

6. เนยสด 4 ช้อนโต๊ะ

7. หอมหัวใหญ่สับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ

8. ซอสมะเขือเทศ 4 ช้อนโต๊ะ

9. ซีอิ๊วขาว 1ช้อนโต๊ะ

10.พริกไทย 1 ช้อนชา

11.น้ำมันมะกอก 1/2 ช้อนชา

12. ใบโหระพา 2 ใบ
ลงมือเข้าครัว
1. นำเส้นสปาเกตตีไปลวก โดยใส่เกลือลงในน้ำเล็กน้อย เมื่อเส้นสุกได้ที่แล้ว ก็นำขึ้นแช่ในน้ำเย็นจัด ก่อนจะตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ใส่น้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย คลุกเคล้ากับเส้นให้ทั่วเพื่อเส้นจะได้ไม่ติดกัน
2. นำไก่สับมาปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว พริกไทยเล็กน้อย หมักไว้สักครู่
3. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่เนยลงไปเล็กน้อย จากนั้นใส่หอมหัวใหญ่ผัดจนหอม ตามด้วยเนื้อไก่ จากนั้นปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสมะเขือเทศ พริกไทย เกลือป่น
4. จัดเส้นสปาเกตตี้ใส่จาน จากนั้นราดด้วยซอสที่ปรุงเสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้น ก็โรยหน้าด้วยใบโหระพา ยกเสิร์ฟได้ทันที
เป็นไงบ้างคะ อาหารจานเส้นในวันนี้ เมนูง่าย ทำง่าย แต่รับรองว่าอร่อยแน่นอนครับ